พันธุกรรมข้าวพื้นเมือง



ข้าวเหนียวเขี้ยวงู

 

 

  

แหล่งที่มาและประวัติ 

      ประเทศไทยมีความหลากหลายในแต่ละภูมินิเวศน์ทำให้มีทรัพยากรทางพันธุกรรมข้าวโดยเฉพาะพันธุ์พื้นเมืองจากแหล่งต่างๆทั่วประเทศค่อนข้างมาก  ซึ่งมีความแตกต่างไปตามลักษณะของพันธุ์  เช่นลักษณะทางสัณฐานวิทยา ลักษณะทางการเกษตร คุณภาพเมล็ดความต้านทานและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีปัญหา  จากการที่กรมการข้าวได้มีการรวบรวมพันธุกรรมข้าวในประเทศตั้งแต่ปีพุทธศักราช  2492  ทำให้ได้พันธุ์ข้าวจำนวนมาก   ข้าวเหนียวเขี้ยวงูซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองส่วนหนึ่งได้ถูกรวบรวมและเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ  อาคารทรัพยากรพันธุกรรมพืชสิรินธร  ภายในบริเวณศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี  อำเภอธัญบุรี  จังหวัดปทุมธานี  ได้มีการจำแนกปลูกฟื้นฟูและบันทึกลักษณะประจำพันธุ์ โดยนางสาวอรพิน  วัฒเนสก์ตำแหน่งขณะนั้นคือนักวิชาการเกษตร 7  ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี   สถาบันวิจัยข้าว  กรมวิชาการเกษตร (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านปรับปรุงพันธุ์ข้าว สำนักวิจัยและพัฒนาข้าวกรมการข้าว)  ต่อมาในฤดูนาปี 2548 ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย (ปัจจุบันคือศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย)  ได้ขอเชื้อพันธุ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจำนวน 28 สายพันธุ์ๆละ 10-15 กรัมมีความงอกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 จากศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติมาปลูกศึกษาและคัดเลือกพันธุ์  โดยนายพายัพภูเบศวร์มากกูล  นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ   ซึ่งพิจารณาจากสายพันธุ์ที่เป็นข้าวเหนียว  มีลักษณะคุณภาพทางกายภาพคือขนาดเมล็ดเล็กและเรียวยาว  หลังการเก็บเกี่ยวนำตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ไปให้เกษตรกรที่เคยปลูกข้าวเหนียวเขี้ยวงูซึ่งขณะนั้นเปิดกิจการเป็นเจ้าของโรงสีและแปรรูปข้าวเหนียวเขี้ยวงูในจังหวัดเชียงรายพิจารณาและโรงสีได้คัดเลือกไว้จำนวน 3 สายพันธุ์  จากนั้นจึงได้เริ่มทำการคัดเลือกพันธุ์บริสุทธิ์ ตั้งแต่ปี 2549 – 2551 โดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบหมู่ (mass selection)  จนได้สายพันธุ์บริสุทธิ์ทั้ง 3 สายพันธุ์รวมทั้งบันทึกลักษณะประจำพันธุ์ไว้ทั้งหมด ปี 2549-2554 ทดสอบปฏิกิริยาต่อโรค แมลง  การตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจนวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดทางกายภาพและเคมี องค์ประกอบทางเคมีคุณค่าทางโภชนาการและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ    ปี 2552–2554 นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูดังกล่าวเปรียบเทียบผลผลิตภายในสถานีที่ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย  ปี 2552 เปรียบเทียบผลผลิตในนาเกษตรกรจังหวัดเชียงราย จำนวน 5 แปลง  ได้แก่อำเภอเมือง 2 แปลง อำเภอแม่จัน 2 แปลงและอำเภอ
เวียงชัย
1 แปลง  ปี 2553 และ 2554 ที่อำเภอเมือง ปีละ 1 แปลง  การดำเนินการในนาเกษตรกรได้ให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการประเมินความชอบและคัดเลือกพันธุ์ระยะก่อนการเก็บเกี่ยวโดยพิจารณาจากลักษณะทางการเกษตรคือความสูงของลำต้น จำนวนรวงต่อกอ ลักษณะรวง จำนวนเมล็ดต่อรวงและลักษณะเมล็ดด็็้ระยะหลังการเก็บเกี่ยวพิจารณาจากลักษณะของข้าวเปลือกและข้าวสารและสุดท้ายนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของหวานได้แก่ข้าวเหนียวมูนให้ผู้บริโภคประเมินความชอบ  จนได้สายพันธุ์ G.S.No.8974  ซึ่งเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่มีลักษณะเหมาะสมที่สุด  โดยข้าวเหนียวเขี้ยวงูพันธุ์นี้ ผลผลิตเฉลี่ยเมื่อปลูกภายในสถานีได้ 395-527 กิโลกรัมต่อไร่    ในนาเกษตรกรได้ 371 – 484 กิโลกรัมต่อไร่    มีขนาดเมล็ดเล็ก เรียวยาว  เมล็ดข้าวเปลือกสีฟางก้นจุด ข้าวกล้องสีขาว  เมื่อนึ่งสุกแล้วข้าวมีความขาว  นุ่ม  เหนียวติดกันแต่ไม่เละ  มีความเลื่อมมันค่อนข้างมากและมีกลิ่นหอม  เมื่อทดสอบความชอบของผลิตภัณฑ์แล้วพบว่าผู้บริโภคชอบมากกว่าพันธุ์ กข6

 

ลักษณะประจำพันธุ์ 

1.ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ประเภทพืชล้มลุก วงศ์หญ้า เป็นข้าวนาสวน ไวต่อช่วงแสง

ต้น      ทรงกอตั้ง ปล้องสีเขียว ลำต้นแข็ง ความสูงถึงปลายรวงเฉลี่ย 183 เซนติเมตร ความยาวรวงเฉลี่ย 23.5 เซนติเมตร

ใบ       สีเขียว มีขนบ้าง กาบใบสีเขียว ใบธงยาวเฉลี่ย 42.4 เซนติเมตร กว้างเฉลี่ย 1.36 เซนติเมตร ลักษณะใบธงหักลง  ใบแก่เร็ว

ดอก/ช่อดอก  ยอดดอกสีชมพู  ยอดเกสรตัวเมียสีขาว  กลีบรองดอกสีเขียวอ่อน  คอรวงยาว   รวงแน่นและแตกระแง้ปานกลาง

เมล็ด    จำนวนเมล็ดดีต่อรวงเฉลี่ย 124 เมล็ด สีของเปลือกเมล็ดในระยะสุกแก่สีฟางก้นจุด ไม่มีขน ไม่มีหาง กลีบรองดอกสีขาว เมล็ดเรียวขนาดของเมล็ดข้าวเปลือกยาว 10.74 ± 0.32 มิลลิเมตร กว้าง 2.35 ± 0.06 มิลลิเมตร หนา 1.89 ± 0.04 มิลลิเมตร ขนาดของเมล็ดข้าวกล้องยาว 7.29 ± 0.22 มิลลิเมตร กว้าง 1.87 ± 0.05 มิลลิเมตร หนา 1.67 ± 0.04 มิลลิเมตรขนาดของเมล็ดข้าวสารยาว 6.84 ± 0.20 มิลลิเมตรกว้าง 1.78 ± 0.05 มิลลิเมตรหนา 1.62 ± 0.05 มิลลิเมตร ข้าวกล้องสีขาว รูปร่างเรียว (3.90 ± 0.16 มิลลิเมตร) น้ำหนัก 1,000 เมล็ดเฉลี่ย 21.80 กรัม น้ำหนักข้าวเปลือกต่อถัง 9.78 กิโลกรัม                                         

2. ลักษณะอื่นๆ

          1. ผลผลิตในนาเกษตรกรอยู่ระหว่าง 371 – 484  กิโลกรัมต่อไร่

          2. ออกดอก 75 เปอร์เซ็นต์วันที่ 30 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน

          3. ต้านทานต่อโรคไหม้และค่อนข้างต้านทานโรคขอบใบแห้งในเขตภาคเหนือตอนบน 

          4. ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดหลังขาวในเขตภาคเหนือตอนบน 

          5. พื้นที่แนะนำคือพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวนาปีที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำในระยะออกดอก และควรเป็นแหล่งที่เกษตรกรปลูกตามความต้องการของผู้ประกอบการที่สามารถเชื่อมโยงผลผลิตไปสู่การแปรรูปที่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทของหวานโดยเฉพาะ

 

3. ลักษณะเด่นพิเศษ

1. ข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงูเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมมีลักษณะเมล็ดเล็ก เรียวยาว สวยงาม  โดยมีอัตราส่วนความยาวต่อความกว้างของข้าวกล้องมากกว่าพันธุ์ กขเมื่อนึ่งสุกแล้วข้าวมีสีขาว (คะแนน 6.7 พันธุ์ กข6 คะแนน 6.6) การเกาะตัวเหนียวแต่ไม่เละ (คะแนน 8.4 พันธุ์ กข6 คะแนน 8.3)  ผิวมีความเลื่อมมันค่อนข้างมาก (คะแนน 7.8 พันธุ์ กข6 คะแนน 7.7)  เนื้อสัมผัสนุ่มและมีกลิ่นหอม  ด้วยลักษณะและรูปลักษณ์ที่ปรากฏเมื่อนำไปแปรรูปเป็นอาหารประเภทของหวานที่ต้องใช้ข้าวเหนียวมูนเป็นหลักเช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวหลาม ไอศกรีมขนมไทยหรือข้าวเหนียวหน้าต่างๆ เป็นต้น จะทำให้ของหวานนั้นๆน่ากินเนื่องจากมีความน่ารักของขนาดรูปร่างเมล็ดที่เล็กเรียว แยกเป็นเมล็ดไม่เกาะตัวแน่น น้ำกะทิสามารถเคลือบได้ทุกส่วน ผิวเลื่อมมันวาวรวมทั้งมีความขาวและกลิ่นหอมน่ารับประทาน (เมล็ดข้าวอายุ 4 เดือนวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพทางกายภาพและประเมินคุณภาพข้าวโดยการชิมโดยศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กรมการข้าว)

2. เป็นข้าวเหนียวที่มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ในรูปของวิตามินอี    เด่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวิตามินอีในรูปแบบที่เรียกว่า Mixed tocopherolsซึ่ง tocopherolแต่ละชนิดจะช่วยกันกำจัดอนุมูลอิสระที่ต่างชนิดกันแต่เสริมการทำงานซึ่งกันและกัน จากการตรวจวัดปริมาณสารของวิตามินอีใน 3 Isomers ของข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงูนี้พบว่ามีแอลฟา (αtocopherol)  ซึ่งเป็นวิตามินอีเพียงโครงสร้างเดียวที่มีประสิทธิภาพทางชีวเคมีมากที่สุด  มีบทบาทสำคัญในขบวนการ metabolism ในร่างกายโดยเฉพาะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลด คอเลสเตอรอล สูงถึง 5.32 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม มากกว่าข้าวเหนียวพันธุ์ กข6 ร้อยละ 39 (3.82 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม) มีอิปไซลอน (Ytocopherol) สูงถึง 4.11 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม มากกว่าพันธุ์ กข6 ร้อยละ 332 ( 0.95 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม ) และมีเดลต้า (δtocopherol) จำนวน 0.26 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม สูงกว่าพันธุ์ กข6 ร้อยละ 18 (0.22 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม) นอกจากนี้ยังมีสารแกมมา (g–oryzanol) ซึ่งเป็นสารช่วยลดการเกิดปฏิกิริยา oxidation ซึ่งเป็นผลผลิตจากคอเลสเตอรอลที่อาจก่อให้เกิดสารประกอบที่ทำให้เป็นอันตรายต่อเซลต่างๆในหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเส้นเลือดอุดตันในหัวใจโรคที่เกี่ยวกับปอดและโรคมะเร็ง รวมทั้งอาการผิดปกติของวัยทอง มีปริมาณ 188.2 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม (เมล็ดข้าวอายุ 4 เดือนวิเคราะห์ข้อมูลโดยบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด)

3 .องค์ประกอบทางเคมีและคุณค่าทางโภชนาการในข้าวกล้อง 100 กรัม มีใยอาหาร (Total dietary fiber) ไขมัน และโปรตีน 3.74  2.68 และ 7.52 กรัมสูงกว่าพันธุ์ กข6 ร้อยละ 10.6  10.7 และ 0.4 ตามลำดับ  มีพลังงาน 258.56 กิโลแคลอรี และคาร์โบไฮเดรต 76.09 กรัม (เมล็ดข้าวอายุ 6 เดือนวิเคราะห์ข้อมูลโดยศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กรมการข้าว)